คำถามว่าเขากำลังเล่นฟุตบอลได้ดีที่สุดในอาชีพหรือไม่…
มันเป็นคำถามที่ตอบยากนะ ผมแค่รู้สึกมีความสุขกับผลงานของตัวเองในตอนนี้ ผมคิดว่าผมอยู่ในช่วงเวลาที่ดีมากเช่นกันร่วมกับทีม ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี ดังนั้นผมก็หวังว่าจะสามารถรักษาฟอร์มของตัวเองไว้ได้ต่อไป รวมถึงฟอร์มที่ดีของทีมด้วย

อาร์เซน่อลที่ถูกมองว่าเป็นทีมเต็งในยุโรปและในประเทศ และว่าภายในทีมรู้สึกแตกต่างจากเดิมหรือไม่…
มันก็ไม่ได้รู้สึกต่างอะไรมากนะ ผมคิดว่าในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เราเองก็เป็นทีมที่ลุ้นแชมป์มาโดยตลอด ซีซั่นนี้เราก็มีแนวคิดและความมุ่งมั่นแบบเดียวกัน เราต้องการคว้าแชมป์ เรารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยาก แต่ผมคิดว่าเรากำลังอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง มันยังอีกยาวไกล แต่เราต้องการชนะทุกเกมส์ นั่นคือสิ่งที่เราคิดก่อนทุกนัด และมันคือทัศนคติของเราในการเล่นแต่ละเกมส์

การเป็นคนนำวงประชุมทีมในครึ่งหลังเกมส์ที่พบเบิร์นลีย์ และการรับบทบาทความเป็นผู้นำมากขึ้นในกลุ่ม…
ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับ “ความรู้สึก” มากกว่า ในสนามผมเป็นคนที่พูดเยอะอยู่แล้ว ผมพยายามช่วยเพื่อนร่วมทีมเสมอ ซึ่งมันก็ช่วยตัวผมเองด้วยนะ เพราะเมื่อคุณพูดในสนาม มันช่วยให้คุณมีสมาธิในสถานการณ์ต่าง ๆ ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในบางเกมส์ที่มันจำเป็นมากกว่าปกติ เกมส์นั้นเป็นเกมเยือนที่ยาก และผมรู้ดีว่ามันจะหนักมาก แต่สุดท้ายเราก็ชนะ เก็บคลีนชีตได้อีกนัด ซึ่งเราดีใจกันมาก

การรวมวงพูดคุยในสนามว่ามันเป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าหรือเกิดขึ้นเอง…
บางครั้งมันก็เกิดขึ้นเอง แต่ทุกคนสามารถพูดได้หมด ถ้าใครอยากจะพูดหรือรู้สึกว่าควรพูด ผมแค่รู้สึกว่าผมมีบางอย่างอยากจะพูดเกี่ยวกับเกมส์และแนวทางที่เราต้องเล่นต่อในครึ่งหลัง ก็เลยพูดออกไป

เหตุผลที่เขาเลือกใส่เสื้อแขนยาว…
ผมชอบมันมาตลอด เอาตรง ๆ มันอาจจะหายไปจากวงการฟุตบอลมานาน แต่ตอนผมยังเด็ก ผมก็ใส่เสื้อแขนยาวเหมือนกัน ผมดีใจมากที่มันกลับมาอีกครั้ง นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงใส่มัน ผมแค่ชอบทรงและความกระชับของมัน แล้วอย่างที่คุณพูด มันก็มีความรู้สึก “ย้อนยุค” นิด ๆ ด้วย

เขาเป็นนักเตะที่ลงเล่นมากที่สุดตั้งแต่ย้ายมาอาร์เซน่อล และมันบ่งบอกถึงความสัมพันธ์กับผู้จัดการทีมอย่างไร…
ก่อนอื่นเลย การพยายามรักษาความฟิตได้ตลอดช่วงเวลานั้นถือเป็นเรื่องสำคัญมาก แน่นอนว่าผมตอบแทนเขาผ่านฟอร์มการเล่นของผมและของทีม มันอาจยากที่จะอธิบายให้ชัดเจนเป็นข้อ ๆ แต่ผมรู้สึกดีมากที่เขาไว้วางใจผม และในสนามผมก็พยายามตอบแทนความไว้วางใจนั้นให้ทั้งกับผู้จัดการทีมและทีม

การเป็นหนึ่งในนักเตะอาวุโสของทีมตอนนี้…
ผมไม่คิดว่าบทบาทของผมเปลี่ยนไปมากจากปีก่อนหรอก บุคลิกของนักเตะแต่ละคนมันก็ไม่เปลี่ยน แต่แน่นอนว่าเราพยายามช่วยเหลือเด็ก ๆ ในทีมมากขึ้น คอยต้อนรับ พูดคุยกับพวกเขาให้มากขึ้น นอกจากนั้นทุกคนก็พูดคุยกัน ช่วยกันในสนาม ผมคิดว่าตอนนี้เรามีวัฒนธรรมแบบนั้นในทีม ซึ่งมิเกลเป็นคนปลูกฝังสิ่งนี้ให้เกิดขึ้น และผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมาก

บทบาทของเขาเมื่อถูกจับไปเล่นเป็นกองหน้าตัวกลาง…
มันขึ้นอยู่กับเกมส์ มันเป็นการเปลี่ยนบทบาทใหญ่พอสมควร และมันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของเกมส์ รวมถึงสิ่งที่ผู้จัดการทีมต้องการให้ผมทำด้วย ดังนั้นมันพูดยากว่าจะเล่นแบบไหน เพราะทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับแผนในเกมส์นั้น ๆ

การต้องเล่นสองเกมส์ในสามวัน…
แน่นอน มันไม่ใช่สิ่งที่เหมาะเลย ผมคิดว่านักเตะหลายคนพูดเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว และผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน มันไม่ใช่สถานการณ์ที่ดี เรามีตารางแข่งที่แน่นมากอยู่แล้ว และเมื่อคุณต้องลงเล่นสองเกมส์ในสามวัน เรื่องการฟื้นฟูร่างกายเป็นปัญหาใหญ่ แถมสำหรับแฟนบอลเองก็ไม่ง่ายในการเดินทางไปเชียร์ทีมตลอด แต่ตอนนี้เราก็ต้องยอมรับมันและรับมือกับมันให้ได้เท่านั้น

การที่นักเตะไม่มีส่วนร่วมในการจัดโปรแกรม และว่ามันน่าหงุดหงิดไหม…
ใช่ ผมคิดว่าน่าหงุดหงิดแน่นอน เพราะมันขึ้นอยู่กับคนที่จัดปฏิทินการแข่งขันตั้งแต่ต้นปี ซึ่งพวกเขาควรจะรู้ว่ามีโอกาสเกิดการอัดแน่นของโปรแกรมได้ และเมื่อมีนักเตะหลายคนพูดถึงเรื่องนี้ พวกเขาควรจะฟังบ้าง แต่ตอนนี้เราก็อยู่ในสถานการณ์ที่มันเป็นไปแล้ว ดังนั้นเราต้องรับมือกับมัน และหวังว่าเราจะทำให้ดีที่สุดจากสิ่งที่มี

คุณภาพของเกมส์จะลดลงไหมถ้าต้องแข่งติดกันขนาดนั้น…
นั่นก็ขึ้นอยู่กับเรา แน่นอนว่าเราต้องการชนะทุกเกมส์ และเราจะพยายามคว้าชัยในทุกนัด รวมถึงเกมส์บอลถ้วยด้วย ถึงมันจะไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก แต่สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับนักเตะที่จะต้องฟื้นฟูให้ดีที่สุด ใช้ทุกวิธีที่มีเพื่อให้พร้อมลงเล่นและทำผลงานให้ได้

อาร์เตต้าบอกว่าเขาเป็นคน “หงุดหงิดง่าย” และว่ามันเป็นตอนที่ไม่ได้ลงเล่นหรือโดยทั่วไป…
ผมไม่คิดว่าเป็นเพราะไม่ได้ลงเล่นนะ เพราะตอนนั้นผมก็ได้ลงอยู่ ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องในระหว่างซ้อมมากกว่า เวลาผมแพ้ในการซ้อม ผมจะอารมณ์เสียง่ายนิดนึง ผมมีนิสัยที่อยากชนะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลหรือไม่ก็ตาม แม้แต่เวลาเล่นเกมส์กับครอบครัวกับลูก ๆ ผมก็อยากชนะตลอด (หัวเราะ) ผมอาจจะบ่นกรรมการในระหว่างซ้อม หรือโวยวายใส่เพื่อนบ้าง และผมคิดว่านั่นแหละที่ทำให้เขาพูดแบบนั้น แต่นั่นคือบุคลิกของผม ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องผิดอะไรเลย

เรื่องที่ว่าทีมที่ดีต้องมีนักเตะที่มีบุคลิกต่างกัน โดยเฉพาะคนที่ทำให้เพื่อน ๆ ไม่ประมาท…
อาจจะใช่ ผมคิดว่าทุกคนต้องตื่นตัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะในสโมสรใหญ่อย่างอาร์เซน่อล เรามีนักเตะเก่ง ๆ มากมายที่พร้อมลงเล่น ทุกคนต้องรักษาความเฉียบคมอยู่ตลอดเวลา

ตำแหน่งที่ชอบที่สุด…
ตอนนี้ผมคิดว่าตำแหน่งปีกซ้ายเป็นตำแหน่งที่ผมชอบที่สุด อย่างน้อยผมก็ได้เล่นตรงนั้นต่อเนื่องมาพักหนึ่งแล้ว และผมคิดว่าผมแสดงให้เห็นในสนามด้วยว่ามันเหมาะกับผม แต่ผมก็พร้อมเล่นทุกตำแหน่งในแนวรุก ถ้าผู้จัดการทีมต้องการ ผมก็จะเล่นตรงนั้นและพยายามทำให้ดีที่สุด

การเล่นในฝั่งเดียวกับคาลาฟิออรี และการร่วมงานกับแบ็กซ้ายที่ชอบเติมเกมส์อย่างเขา…
นั่นแหละ คือ “ริคกี้” ผมคิดว่านั่นเป็นหนึ่งในจุดแข็งของเขา เขาโผล่ขึ้นมาในทุกพื้นที่เลย บางครั้งไปอยู่ตรงช่องในเหมือนกองหน้า เขาทำประตูสวย ๆ ได้หลายลูกแล้ว ความ “คาดเดาไม่ได้” ของเขาสามารถสร้างปัญหาให้คู่แข่งได้จริง ๆ ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับเขาในตอนนี้ ผมรู้ว่าเขาชอบขยับไปตรงไหน เวลาไหน และบางครั้งผมก็สามารถจ่ายบอลโดยไม่ต้องมอง เพราะผมรู้ว่าเขาจะอยู่ตรงนั้นแน่นอน

ความแตกต่างเมื่อเล่นร่วมกับไมล์ส…
ทั้งสองคนเป็นนักเตะคนละสไตล์ไมล์สจะยืนตำแหน่งนิ่งกว่าและชอบขยับเข้าไปในแดนกลาง เขาแข็งแกร่งมากและเก่งในการครองบอลมาก ๆ พอเขาเอาตัวบังบอลได้แล้ว แทบไม่มีใครแย่งเขาได้เลย เขายังสามารถพัฒนาได้อีกเยอะมาก เพราะเขายังอายุน้อย แต่มีอนาคตที่สดใสแน่นอน

เขาอยากอยู่กับอาร์เซน่อลต่อหลังปี 2027 หรือไม่…
ใช่ ผมคิดว่าอย่างนั้น ตอนนี้ผมยังมีสัญญาเหลืออีกสองปี และเราคงต้องมาดูกันว่าทางสโมสรต้องการอย่างไร พวกเขามองเห็นผมตรงไหนในตอนนั้น แต่ตอนนี้ผมมีความสุขมากกับชีวิตที่อาร์เซน่อล ผมดีใจมากที่ได้อยู่ที่นี่ มันเป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยม และตอนนี้เราก็กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีมาก ผมหวังว่าจะสามารถคว้าแชมป์ร่วมกับอาร์เซน่อลได้ในอนาคต