Back

VIEW POST



[Tactic Analysis] 6 แข้งอาร์เซน่อลที่ "อาร์เตต้า" ปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นใหม่


GettyImages-2238715133-1024x683.jpg?widt

ดูบอลสดฟรี

By Art de Roché (The Athletic)

ช่วงต้นฤดูกาลมักเป็นช่วงเวลาท้าทายสำหรับผู้จัดการทีม เนื่องจากมีช่วงพักเบรกทีมชาติที่ดูเหมือนไม่สิ้นสุด แต่ธรรมชาติของโปรแกรมการแข่งขันที่ต้องหยุดๆ เริ่มๆ ก็อาจมีข้อดีอยู่บ้าง

ก่อนเริ่มฤดูกาล 2024-25 มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล ได้กล่าวถึงสิ่งที่เขาสังเกตเห็นเกี่ยวกับการจัดโปรแกรมการแข่งขันของทีม “สิ่งที่ผมจะมองเป็นอันดับแรกคือ ลำดับของแมตช์ เรากำลังจะเจอกับทีมแบบไหน ใช้แผนการเล่นแบบไหน ผู้จัดการทีมเป็นใคร แล้วเราสามารถสร้างความต่อเนื่องได้ไหมในช่วงหลายสัปดาห์ต่อเนื่องกัน?” เขากล่าวกับเว็บไซต์ของสโมสร

ความพยายามของเขาในการสร้าง “ความต่อเนื่องในแนวคิด” ผ่าน “ลำดับของแมตช์” กลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในฤดูกาล 2021-22 และ 2023-24 เขาใช้ช่วงเกมส์หลังพักเบรกทีมชาติหนแรก เพื่อผสานนักเตะใหม่ที่เขามองว่าเป็นตัวจริงถาวรให้เข้ากับระบบของทีม เขาทำสิ่งที่คล้ายกันเมื่อเดือนที่แล้ว โดยส่งนักเตะใหม่ 5 จาก 8 คนลงสนามในเกมพบ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ และยังเริ่มปรับบทบาทของนักเตะเก่าในทีมบางคนระหว่างช่วง 7 นัดนั้นด้วย

ในบทความนี้ The Athletic จะพาไปดูนักเตะ 6 คนที่อาร์เตต้าเริ่มใช้งานแตกต่างออกไป เพื่อดึงศักยภาพของพวกเขาออกมาให้มากขึ้น
 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กาเบรียล มาร์ติเนลลี

มาร์ติเนลลีเริ่มต้นฤดูกาลได้แบบไม่คงเส้นคงวานัก แต่ความสามารถในการเล่นได้หลายตำแหน่งของเขาอาจกลายเป็นสิ่งสำคัญ เขาเริ่มต้นฤดูกาลในฐานะตัวจริงทางกราบซ้าย แต่มีปัญหาในการสร้างอิทธิพลต่อเกม ทว่าต่อมาเขากลับทำผลงานได้ดีขึ้นเมื่อถูกส่งลงจากม้านั่งสำรองหรือเล่นในตำแหน่งอื่น

แรงบันดาลใจแรกของแข้งวัย 24 ปีในฤดูกาลนี้เกิดขึ้นในเกมเยือน แอธเลติก คลับ กลางเดือนกันยายน เมื่อเขายิงประตูขึ้นนำได้เพียง 36 วินาทีหลังจากลงสนามแทน เอเบเรชี่ เอเซ จากนั้นเขายังทำแอสซิสต์ให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ เล่นจากฝั่งซ้ายอีกด้วย แต่หลังจากนั้น อาร์เตต้าก็เริ่มใช้งานเขาแตกต่างออกไป

ห้าวันต่อมา ดาวเตะทีมชาติบราซิลถูกส่งลงจากม้านั่งอีกครั้ง คราวนี้ในเกมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่อาร์เซนอลกำลังต้องการประตูตีเสมอ ช่วงแรกที่เขาอยู่ในสนาม เขาเล่นจากทางขวา โดยจังหวะสำคัญที่สุดคือการวิ่งทะลุจากนอกเข้าข้างใน ซึ่งนำไปสู่ประตูของเขาเอง

เมื่อถูกถามว่ามาร์ติเนลลีจะถูกใช้งานทางขวามากขึ้นไหม เนื่องจาก โนนี่ มาดูเอเก้ บาดเจ็บ อาร์เตต้าตอบว่า “ใช่ เขาทำได้ หลายจังหวะที่เขาวิ่งก็เป็นการวิ่งจากตำแหน่งตรงกลาง ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นเราอยู่ในเฟสไหนของเกม และตำแหน่งตั้งต้นของคู่แข่งอยู่ตรงไหน การเคลื่อนไหวและอิทธิพลของเขาถือว่าดีมาก”

อาร์เตต้าจับเขากลับไปเล่นทางซ้ายในเกมชนะ พอร์ต เวล 2-0 ซึ่งเขาจ่ายให้เอเซยิง แต่ก่อนพักเบรกทีมชาติเดือนตุลาคม เขาก็กลับมาเล่นทางขวาอีกครั้ง

ในเกมพบ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เขาลงมาเล่นประมาณ 20 นาที และมีการเปิดบอลจากทางขวาหลายครั้ง ก่อนจะได้ออกสตาร์ตตัวจริงทางขวาในเกมพบ โอลิมเปียกอส และเพียงไม่กี่นาที เขาก็แสดงสัญชาตญาณเกมรุกของตัวเองออกมา ขณะที่ ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี ลากบอลขึ้นทางซ้าย มาร์ติเนลลีรีบขยับเข้ากลางมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนเรียกขอบอลเพื่อให้เปิดเข้ามา เขาโหม่งพลาดไป แต่ก็เป็นภัยคุกคามชัดเจน
 

Gabriel-Martinelli-miss-vs-Olympiacos-1.

 

ประตูขึ้นนำในคืนนั้นถือว่าเป็นประตูที่ง่ายที่สุดของเขา — เพียงแค่ซ้ำบอลจังหวะสองหลังจากลูกยิงของ วิคเตอร์ โยเคเรส ชนเสา แต่ตำแหน่งยืนของเขาก็มีความสำคัญอีกครั้ง

ระหว่างเกม มาร์ติเนลลีต้องแสดงให้เห็นถึงหลายมิติของการเล่น บางครั้งเขาต้องลากออกไปด้านนอกเพื่อเปิดบอลเข้ากลางให้ทรอสซาร์ เหมือนที่เคยทำเมื่อฤดูกาลที่แล้วตอนที่ บูคาโย ซาก้า และ อีธาน นวาเนรี บาดเจ็บ ขณะที่บางจังหวะเขามีส่วนร่วมกับการต่อบอลในแนวลึก โดยเฉพาะการดีดบอลหนึ่งจังหวะให้เพื่อน ซึ่งช่วยให้อาร์เซนอลเคลื่อนเกมขึ้นหน้าได้เร็ว

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขากับโยเคเรสเกือบจะได้โต้กลับเร็วใส่โอลิมเปียกอส แต่มาร์ติเนลลีก้มหน้าลากบอลและพยายามเลี้ยงฝ่าผู้เล่นเอง สุดท้ายเสียบอลและพลาดโอกาสทองในการสวนกลับ

การเคลื่อนที่โดยไม่มีบอลและความสามารถในการจบสกอร์ของมาร์ติเนลลี ทำให้เขาเป็นภัยคุกคามได้ทั่วทั้งแนวรุก แม้ตัวอย่างเหล่านี้จะเกิดจากการเล่นทางขวา แต่เขาก็เพิ่งยิงประตูด้วยเท้าซ้ายให้บราซิลในเกมพบญี่ปุ่น โดยเล่นประสานกับ วินิซิอุส จูเนียร์ ในตำแหน่งเยื้องซ้ายเล็กน้อย

สิ่งที่อาร์เตต้าพูดไว้เกี่ยวกับการวิ่งของมาร์ติเนลลีเข้าสู่พื้นที่ตรงกลางนั้นเป็นประเด็นสำคัญที่สุด ไม่ว่าเขาจะยืนตรงไหน มาร์ติเนลลีจำเป็นต้องพุ่งเข้าโจมตีพื้นที่เหล่านั้น บางทีเขาอาจทำได้จากหลายมุมมากขึ้นเมื่อฤดูกาลดำเนินต่อไป

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เลอันโดร ทรอสซาร์

เช่นเดียวกับมาร์ติเนลลี ทรอสซาร์ดส่วนใหญ่ลงสนามในฐานะตัวสำรอง แต่เขาก็สร้างอิทธิพลได้ไม่น้อย ด้วยผลงาน 2 ประตูและ 2 แอสซิสต์ในฤดูกาลนี้

ความแตกต่างในวิธีที่เขาถูกใช้งานเห็นได้ชัดที่สุดในเกมกับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ดาวเตะทีมชาติเบลเยียมเริ่มต้นในตำแหน่งปีกซ้าย แต่ได้รับอิสระให้เคลื่อนไหวไปทั่วสนามจนบางครั้งแทบจะเล่นเป็นกองกลางตัวกลางเลยทีเดียว

ในแต่ละจังหวะของสามสถานการณ์ด้านล่าง (สองเฟรมต่อหนึ่งสถานการณ์) เขาจะถอยลงมาเชื่อมเกมจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งของสนาม

Trossard-deeper-vs-Newcastle.gif

 

เนื่องจากนิวคาสเซิลเป็นทีมที่เล่นอย่างมีวินัยสูง ทรอสซาร์ดเคยเสียบอลในตำแหน่งอันตรายตรงหน้ากองหลังของตัวเอง แต่จุดประสงค์ของอาร์เตต้าดูเหมือนจะเป็นการให้เขาเล่นในบทบาทอิสระ เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ทางริมเส้นมากขึ้น

ในบางจังหวะ เขาและเอเซแทบจะเล่นเป็นหมายเลข 10 สองคนอยู่ระหว่าง เดแคลน ไรซ์ กับ มาร์ติน ซูบิเมนดี ซึ่งทำหน้าที่คุมจังหวะเกม โดยมี ซาก้า และ โยเคเรส เป็นตัวรุกที่คอยทะลุช่อง การเคลื่อนที่ของทรอสซาร์ดจากตำแหน่งปีกซ้ายยังช่วยเปิดพื้นที่ให้โยเคเรสวิ่งเจาะช่องทางนั้นได้มากขึ้นด้วย

ตามภาพด้านล่าง ทรอสซาร์ดเองก็สามารถจ่ายบอลจากแนวลึกให้กองหน้าในจังหวะหนึ่งของเกมได้เช่นกัน

Trossard-deeper-vs-Olympiacos.gif
 

แฟนบอลบางส่วนรู้สึกประหลาดใจที่ทรอสซาร์ดได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงใน 4 เกมล่าสุดก่อนพักเบรกทีมชาติ แต่เมื่อมาร์ติน โอเดการ์ดมีอาการบาดเจ็บที่เข่า นี่อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่อาร์เตต้าใช้ได้ ไม่ใช่ในฐานะกองหน้า แต่ในฐานะ “นักเตะอิสระ” ที่สามารถเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมได้

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เอเบเรชี่ เอเซ และ บูกาโย ซาก้า

เอเซคือหนึ่งในผู้เล่นที่อาจได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้

อาร์เตต้าเคยใช้งานดาวเตะวัย 27 ปีในตำแหน่งปีกซ้ายในช่วงเกมแรกๆ ของเขากับสโมสร ซึ่งเอเซสร้างความประทับใจด้วยความสามารถในการดวลตัวต่อตัวและวิสัยทัศน์ในการจ่ายบอล เช่นเดียวกับกรณีของมาร์ติเนลลี การเปลี่ยนบทบาทครั้งแรกเกิดขึ้นในเกมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่ออาร์เตต้าปรับแท็กติก โดยส่งเอเซลงมาแทนมิเกล เมริโน่ในครึ่งหลังในตำแหน่งที่เป็นศูนย์กลางมากขึ้น และเขาก็สร้างอิทธิพลได้ทันที

ใน 15 นาทีแรกที่อยู่ในสนาม เขามีถึง 5 จังหวะที่ช่วยพาอาร์เซนอลขึ้นเกมไปข้างหน้า ตัวอย่างสองจังหวะในลำดับต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงความง่ายดายที่เขาทำได้ เมื่อได้รับบอลแล้วหมุนตัวครึ่งรอบเพื่อเปลี่ยนทิศทางเกม

Eze-turns-vs-Man-City.gif
 

ไม่กี่วันหลังเกมนั้น อาร์เตต้ากล่าวว่าเอเซยังไม่พร้อมลงตัวจริงเพราะต้องจัดการภาระการเล่น (load management) ก่อนจะเสริมว่า “และเขาไม่เคยเล่นเป็นแนวรุกฝั่งขวาในสนามนี้มาก่อน ดังนั้นนี่เป็นองค์ประกอบใหม่สำหรับเขาเช่นกัน”

ถึงอย่างนั้น เอเซก็ยังทำแอสซิสต์ให้มาร์ติเนลลีทำประตูตีเสมอได้ และเมื่อรวมกับปัญหาการบาดเจ็บล่าสุดของโอเดการ์ด เอเซก็ได้รับโอกาสเล่นในตำแหน่งตรงกลางมากขึ้นตั้งแต่เกมพบซิตี้เป็นต้นมา

eberechi_eze_ind_games.png

 

ตอนที่ The Athletic พูดถึงความเป็นไปได้ที่อาร์เซนอลจะเซ็นสัญญากับเขาในช่วงซัมเมอร์นั้น พวกเขาได้ชี้ไว้ว่า “มันไม่สำคัญว่าเพลย์เมกเกอร์คุณภาพระดับเอเซจะอยู่ตรงไหนในสนาม สำคัญแค่ว่าเขาได้อยู่ในสนามเท่านั้น”

เมื่อเอเซถูกถามโดย Sky Sports เกี่ยวกับการเล่นในบางครั้งเป็นปีกซ้ายและบางครั้งเป็นหมายเลข 10 เขาตอบว่า “ผมไม่รู้สึกว่าตำแหน่งมันสำคัญขนาดนั้น แต่ละเกมมีพื้นที่และโอกาสที่แตกต่างกัน มันเลยยากที่จะบอกว่าคุณเป็นผู้เล่นแบบนี้และจะเข้ากับทุกเกม เพราะความจริงมันไม่ใช่แบบนั้น”

ในเกมชนะนิวคาสเซิล เขายังคงหาช่องในพื้นที่สุดท้ายเพื่อช่วยให้อาร์เซนอลสร้างจังหวะบุกได้ต่อเนื่องในช่วงที่ทีมกำลังหาประตูตีเสมอ หลายจังหวะนั้นมาจากพื้นที่ตรงกลาง แต่บางครั้งเขาก็ขยับไปทางขวาอีกครั้ง

เมื่อเขาถูกส่งลงเล่น 17 นาทีสุดท้ายร่วมกับซาก้าในเกมพบโอลิมเปียกอส การสัมผัสบอลครั้งแรกของเขาคือการจ่ายลอดขาคู่แข่งทางปีกซ้าย

ต่อมาในเกม เขาโผล่ไปอยู่ทางขวา และการทำชิ่งเร็วหนึ่ง-สองครั้งช่วยให้ซูบิเมนดีสามารถดันขึ้นหน้าและจ่ายต่อให้ซาก้า ซึ่งขณะนั้นสลับไปอยู่ทางซ้ายแทน

Saka-goal-build-up-vs-Olympiacos-.gif

 

ลูกยิงแรกของกองหน้าทีมชาติอังกฤษถูกบล็อก แต่เขาแย่งบอลคืนมาได้อีกครั้งและทำชิ่งหนึ่ง-สองกับโอเดการ์ด ก่อนจะได้โอกาสยิงอีกครั้ง คราวนี้เขาซัดบอลผ่านผู้รักษาประตูเข้าไปอย่างแรง

Saka-goal-vs-Olympiacos.gif
 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซาก้าสลับข้างในฤดูกาลนี้ เขาเคยย้ายไปเล่นฝั่งซ้ายหลังจากมาร์ติเนลลีถูกส่งลงมาในช่วงท้ายเกมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้

ประตูที่เขายิงใส่โอลิมเปียกอสนั้นทรงพลัง และทำให้นึกถึงประตูในเกมกับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2021-22 ตอนนั้นเกมยังเสมอกันอยู่เมื่อผ่านหนึ่งชั่วโมง และซาก้าอยู่ทางซ้าย เขาทำชิ่งกับ นูโน่ ตาวาเรส หลุดเข้าไปยิงผ่านผู้รักษาประตูเป็นประตูนำ 1-0 สิบนาทีต่อมา มาร์ติเนลลีที่ตอนนั้นขยับมาเล่นทางขวาก็ยิงได้อีกหนึ่งประตู หลังจากซาก้าได้รับบาดเจ็บและถูกเปลี่ยนออก

แม้มันอาจไม่ใช่สิ่งที่อาร์เตต้าจะทำตั้งแต่เริ่มเกม แต่การให้ซาก้าเล่นด้วยเท้าข้างถนัดจากฝั่งซ้ายแทนที่จะลากตัดจากขวาก็อาจอันตรายไม่แพ้กัน ถึงอย่างนั้นก็ตาม ดาวเตะวัย 24 ปีก็ยังยิงประตูสุดสวยจากการลากตัดเข้ามาจากขวาให้ทีมชาติอังกฤษในเกมกับเวลส์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่เอเซก็ยิงประตูได้จากการเล่นเป็นปีกซ้ายในเกมกับลัตเวียเช่นกัน
 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เดแคลน ไรซ์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด

หลังเกมที่ทีมชาติอังกฤษชนะเวลส์ 3-0 เดแคลน ไรซ์ได้พูดถึงบทบาทของเขาในฤดูกาลนี้ว่า

“ตอนนี้ผมเล่นเป็นหมายเลข 8 แบบบ็อกซ์ทูบ็อกซ์มากขึ้น ผู้จัดการทีม (อาร์เตต้า) ได้ปรับตำแหน่งของผมเล็กน้อยที่อาร์เซนอลในปีนี้ และให้ผมมีอิสระมากขึ้น ทั้งในการถอยต่ำลงมาช่วยเกมรับ และเติมขึ้นไปในเขตโทษเมื่อมีโอกาส ซึ่งมันเหมาะกับผมมาก การเป็นกองกลางที่ทำได้ทุกอย่างคือสิ่งที่ผมอยากเป็น มันก็เหมือนกับที่ (โธมัส) ทูเคิล ใช้ผมเช่นกัน”

กองกลางวัย 26 ปีรายนี้ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของนักเตะที่อาร์เตต้า “ดึงศักยภาพเกินคาด” ได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เขาเข้ามาคุมทีมในปี 2019

ไรซ์ย้ายมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 ในฐานะมิดฟิลด์สารพัดประโยชน์ โดยใช้เวลาครึ่งฤดูกาลแรกส่วนใหญ่เล่นเป็นหมายเลข 6 ก่อนจะเริ่มขยับขึ้นไปเล่นในบทบาท “บ็อกซ์ทูบ็อกซ์” มากขึ้นในครึ่งหลังของฤดูกาล 2023-24 ในช่วงปลายฤดูนั้นเองที่เขาเริ่มเพิ่มจำนวนแอสซิสต์ด้วยการเปิดบอลจากลูกตั้งเตะ เขาเริ่มฤดูกาล 2024-25 ได้ช้า แต่ฟอร์มก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยทำประตูสำคัญได้หลายลูก เมื่อได้รับอนุญาตให้เติมเข้าเขตโทษมากขึ้น

การมาของ มาร์ติน ซูบิเมนดี ในช่วงซัมเมอร์นี้ ทำให้ไรซ์ต้องถอยต่ำลงบ้าง แต่บทบาทในจุดนั้นก็ไม่ได้ “ตายตัว” เหมือนตอนที่เขาเพิ่งย้ายมา ในช่วงปรีซีซันจะเห็นได้ชัดว่า ทั้งไรซ์และซูบิเมนดีสามารถสลับกันถอยต่ำได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของเกม สำหรับไรซ์ จังหวะที่เขาถอยต่ำคือช่วงที่อาร์เซนอลต้องการเล่นเกมรุกโดยตรงมากขึ้น เช่นการจ่ายบอลทะลุแนวรับแบบจังหวะนี้ให้ซาก้า

1-RiceswitchtoSaka-ezgif.com-optimize.gi

 

เกมที่อาร์เซนอลชนะเวสต์แฮม 2-0 เมื่อไม่นานมานี้ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของสิ่งที่ไรซ์สามารถทำได้ในหลากหลายบทบาท

ก่อนที่โอเดการ์ดจะบาดเจ็บ ทั้งคู่รับหน้าที่เป็นคู่มิดฟิลด์ที่ยืนต่ำกว่าแท็กติกหลักของทีม โดยแทนที่ไรซ์จะเติมขึ้นมาจากฝั่งซ้าย เขากลับเล่นประสานกับโอเดการ์ดทางขวาได้อย่างลงตัว และยังจ่ายบอลทะลุแนวรับให้ซาก้าหลุดเข้าไปยิงได้อีกด้วย แม้จังหวะนั้นจะถูกจับล้ำหน้าเพราะจังหวะวิ่งที่เร็วเกินไป

Rice-pass-vs-West-Ham.gif

 

ไรซ์ยังช่วยให้ทีมบุกต่อเนื่อง โดยอ่านเกมได้ดีและตัดบอลได้หลายครั้งจากการเคลียร์ของเวสต์แฮม เมื่อซูบิเมนดีลงมาเพื่อควบคุมจังหวะเกม เขาก็มีอิสระมากขึ้นที่จะเติมเข้าไปในเขตโทษอีกครั้ง — และนั่นนำไปสู่ประตูเปิดเกม รวมถึงเกือบทำแอสซิสต์ให้โยเคเรสในครึ่งหลัง

อาการบาดเจ็บที่หัวเข่าของ มาร์ติน โอเดการ์ด ถือเป็นเรื่องโชคร้ายอย่างมาก ในช่วงไม่กี่ฤดูกาลที่ผ่านมา เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของเกมรุกทางฝั่งขวาของอาร์เซนอล แต่ในสามเกมล่าสุดก่อนเจ็บ เขาเริ่มได้รับอิสระในการเคลื่อนที่มากขึ้น

ตัวอย่างด้านล่างแสดงให้เห็นจังหวะการจ่ายทะลุช่องจากบริเวณกึ่งกลางซ้ายไปให้ ลูอิส-สเกลลี และ โยเคเรส ซึ่งช่วยให้อาร์เซนอลขยับเกมขึ้นหน้าและนำไปสู่ประตูแรกในเกมกับโอลิมเปียกอส

Odegaard-passes.gif

 

ดูเหมือนว่าการเล่นของโยเคเรสเริ่มเข้ากันได้กับจังหวะการจ่ายของโอเดการ์ดในที่สุด แต่คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ก่อนที่กัปตันทีมอาร์เซนอลจะกลับมาทำแบบนั้นได้อีก

แม้จะเล่นเพียง 30 นาทีในเกมกับเวสต์แฮม แต่โอเดการ์ดก็จบเกมด้วยการเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่จ่ายบอลทะลุแนวรับในพื้นที่สุดท้ายมากที่สุดของทีม (4 ครั้ง) โดยบางจังหวะมาจากทางขวา และบางครั้งเขาก็ถอยต่ำลงมาช่วยเริ่มต้นเกมตั้งแต่ลูกตั้งเตะหน้าประตู บทบาทที่เขายืนทางซ้ายไม่ใช่การเปลี่ยนตำแหน่งแบบตายตัว แต่เป็นการเคลื่อนไหวแบบยืดหยุ่น โดยมีซูบิเมนดีอยู่บนม้านั่งสำรอง

อาร์เตต้าคงรู้สึกเสียดายที่สามประสานแดนกลางอย่าง โอเดการ์ด – ไรซ์ – เอเซ ยังไม่ได้เล่นร่วมกันมากนัก แต่เขากล่าวหลังเกมว่าพร้อมจะลองใช้อีกครั้ง

ในฤดูกาลที่พูดกันมากเกี่ยวกับ “การพัฒนาและปรับเปลี่ยนทีม” การใช้นักเตะใหม่และนักเตะเก่าในบทบาทที่แตกต่างออกไปอาจเป็นกุญแจสำคัญสำหรับอาร์เตต้า มันช่วยให้คู่แข่งคาดเดาได้ยากขึ้น ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้นักเตะของเขาได้แสดงศักยภาพในมุมใหม่ ๆ

เมื่อกลุ่มผู้เล่นชุดหนึ่งอยู่ร่วมกันมานาน ย่อมมีความเสี่ยงที่ทีมอื่นจะ “จับทางได้” แต่จากวิธีที่อาร์เซนอลปิดบล็อกเกมล่าสุด ดูเหมือนว่าอาร์เตต้ากำลังทำทุกวิถีทางเพื่อให้สิ่งนั้นไม่เกิดขึ้น

การกลับมาพบกับ ฟูแล่ม, แอตเลติโก มาดริด และ คริสตัล พาเลซ หลังพักเบรกทีมชาติ จะเป็นบททดสอบที่หลากหลายสำหรับอาร์เตต้า และตอนนี้ดูเหมือนว่าต่อให้เป็นผู้เล่นคนเดิม พวกเขาก็สามารถมอบ “คำตอบที่แตกต่าง” ให้กับทีมได้แล้ว

ดูบอลสดฟรี


Post By: admin