
ความยืดหยุ่นในการเล่นแดนกลางไม่ใช่แนวคิดใหม่ของอาร์เซนอล แต่การเพิ่มผู้เล่นที่มีเทคนิคสูงในพื้นที่กลางสนามได้มอบมิติใหม่ให้กับทีมของมิเกล อาร์เตต้า ในช่วงสองฤดูกาลที่ผ่านมา อาร์เซนอลแสดงให้เห็นหลายครั้งถึงความสามารถในการสร้างพื้นที่และใช้มันอย่างชาญฉลาด
แต่การคว้าตัว มาร์ติน ซูบิเมนดี้ และ เอเบเรชี เอเซ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ได้ยกระดับความสามารถทางเทคนิคในโซนแดนกลางขึ้นไปอีกขั้น และเมื่อมี ริคคาร์โด คาลาฟิออรี ที่ฟิตสมบูรณ์สามารถลอยเข้ามาเล่นจากแบ็กซ้ายได้ ก็ยิ่งเพิ่มความหลากหลายมากขึ้นไปอีก
ทั้งหมดนี้ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อ มาร์ติน โอเดการ์ด กัปตันทีมได้รับบาดเจ็บ โดยอาร์เซนอลยังไม่ได้ระบุกรอบเวลาการกลับมาของเขา ซึ่งถือเป็นการสูญเสียในช่วงโปรแกรมแน่นขนัดแบบนี้
อาร์เตต้าเคยอธิบายถึงความสำคัญของ “ความยืดหยุ่นในแดนกลาง” นี้ หลังเกมอุ่นเครื่องที่อาร์เซนอลชนะ แอธเลติก คลับ 3-0 ซึ่งเขากล่าวถึงการประสานงานระหว่าง ซูบิเมนดี้ กับ ดีแคลน ไรซ์ ว่า “โดยเฉพาะเมื่อดูจากคุณภาพของพวกเขา และวิธีที่พวกเขาสามารถเสริมกันในพื้นที่นั้น เราเห็นพัฒนาการอีกขั้นในวันนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมจะได้ประโยชน์มาก ทำให้เราคาดเดาได้ยากขึ้น และเป็นภัยคุกคามจากพื้นที่ด้านในมากกว่าเดิม”
ฤดูกาลนี้ แดนกลางที่เคลื่อนไหวได้ของอาร์เซนอลช่วยให้พวกเขาโจมตีพื้นที่ด้านข้างแนวรับคู่แข่งได้โดยตรง ด้วยการผ่านบอลแบบชิพเข้าไปในช่องว่าง
ตัวอย่างจากเกมที่อาร์เซนอลชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-0 ก่อนพักเบรกทีมชาติ คาลาฟิออรี ขยับเข้ามาเล่นตรงกลางสนามเพื่อสร้าง “แดนกลาง 4 คน (box midfield)” ก่อนจะลอยไปทางครึ่งขวาของสนามเพื่อสร้างความได้เปรียบในพื้นที่นั้น
การเคลื่อนที่ของเขาทำให้ มาเตอุส แฟร์นานเดส ต้องละตำแหน่งจากการประกบโอเดการ์ด ซึ่งบังคับให้ แม็กซิมิเลียน คิลแมน เซ็นเตอร์ของเวสต์แฮมต้องดันขึ้นสูงตามกัปตันอาร์เซนอล
ช่องว่างที่ถูกสร้างขึ้นนี้ทำให้ ไรซ์ สามารถแทงบอลยาวทะลุช่องให้ บูคาโย ซาก้า วิ่งทะลุแนวรับได้ แม้จังหวะนี้ซาก้าจะล้ำหน้าไปเพียงหนึ่งหลา แต่เป็นตัวอย่างของการสร้างโอกาสที่แม่นยำจากแดนกลาง

ในเกมที่พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนสิงหาคม คาลาฟิออรีขยับเข้ามาอยู่ใกล้กับซูบิเมนดี้ ขณะที่ อีธาน นวาเนรี และ ไรซ์ เล่นเป็นกองกลางตัวรุก เมื่อ อาโอะ ทานากะ ปิดทางผ่านบอลถึงคาลาฟิออรี
กาเบรียลจึงส่งบอลออกไปทางริมเส้นให้ โนนี่ มาดูเอเก้ ขณะเดียวกัน ไรซ์พุ่งเข้าโจมตีช่องว่างระหว่างแบ็กขวากับเซ็นเตอร์ขวาของลีดส์ การวิ่งของไรซ์บีบให้เซ็นเตอร์ โจ โรดอน ต้องขยับออกไป และทำให้ แดเนียล เจมส์ ไม่สามารถดันขึ้นมากดดันคาลาฟิออรีได้
มาดูเอเก้ส่งบอลให้คาลาฟิออรีทันที ซึ่งจ่ายบอลชิพด้วยจังหวะเดียวทะลุหลังแนวรับของโรดอนให้ วิคเตอร์ เยอเคเรส ได้บอลในพื้นที่หนึ่งต่อหนึ่ง ก่อนจะลากเข้าในและยิงประตูสุดเฉียบ หลังเกม อาร์เตต้า กล่าวถึงการที่ทีมเริ่มเข้าใจการเล่นกับเยอเคเรสมากขึ้น
“มันจะช่วยให้เราพัฒนาและหาวิธีใหม่ในการโจมตีและเชื่อมโยงกันในทีมได้ดีขึ้น เรารู้ว่าจุดแข็งของวิคเตอร์อยู่ตรงไหน และเราจะพยายามสร้างสถานการณ์แบบนั้นให้เกิดขึ้นบ่อยที่สุด เพราะมันอาจนำไปสู่สิ่งดีๆ”


การต่อบอลเร็วและการโจมตีในแชมเปียนส์ลีก
อีกหนึ่งตัวอย่างคือเกมที่ชนะ โอลิมเปียกอส 2-0 ในศึกแชมเปียนส์ลีก
ในจังหวะนั้น มิเกล เมรีโน่ ขยับมาเติมทางแบ็กซ้าย ขณะที่ ซูบิเมนดี้ ส่งบอลให้เมรีโน่และวิ่งเติมช่องกลาง เพื่อเปิดพื้นที่ให้เพื่อนเข้ามาโจมตี กองกลางของโอลิมเปียกอสไม่กล้ากดดันเพราะต้องระวังการยืนตำแหน่งของซูบิเมนดี้และโอเดการ์ด รวมถึงภัยจากแนวรุกสามคนของอาร์เซนอล
ทำให้เมรีโน่มีเวลาเล่นบอลและสามารถแทงให้โอเดการ์ดทะลุหลังแนวกองกลางได้ ซึ่งต่อมากลายเป็นการสร้างจังหวะให้เยอเคเรส และนำไปสู่ประตูแรกของทีม

ในเกมนี้ ฟอเรสต์พยายามเพรสสูง แต่การเคลื่อนไหวของ ซูบิเมนดี้ และ คาลาฟิออรี ทำให้พวกเขาหลุดการเพรสได้สำเร็จ คาลาฟิออรีจ่ายบอลทะลุช่องให้ เอเซ วิ่งทะลุแนวรับ ก่อนที่เอเซจะเปิดเรียดให้เยอเกอเรสยิงเป็นประตู 2-0


แม้แต่กองหลังอย่าง เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ก็มีส่วนในรูปแบบนี้เช่นกัน ในเกมกับเวสต์แฮม ทิมเบอร์ขยับสูงและได้รับบอลจากซูบิเมนดี้ในพื้นที่ครึ่งขวา ก่อนจะเรียกจุดโทษให้ทีมได้
จนถึงตอนนี้ การผ่านบอลแบบไดเร็กซ์ เข้าช่องว่างระหว่างแนวรับ กลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงของอาร์เซนอล ซึ่งมีรากฐานมาจาก ความยืดหยุ่นและการเคลื่อนที่ในแดนกลาง “เราต้องมั่นใจว่าขณะที่เรากำลังพัฒนา เรายังคงรักษาสิ่งดีๆ ที่เราทำไว้ และปรับแต่งในบางจุดที่สร้างคุณค่าได้มากขึ้น”
มิเกล อาร์เตต้า กล่าวในเดือนสิงหาคม “การพัฒนาเกิดจากผู้เล่น เป็นเรื่องของการวางพวกเขาในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อให้พวกเขาแสดงศักยภาพออกมาให้มากที่สุด”
Post By: admin